เงื่อนไขโครงการใหม่เเจก 7,000 บาท
ยิ่งใช้ยิ่งได้” เป็นโครงการน้องใหม่ป้ายแดงจากภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ในช่วงครึ่งปีหลังด้วยการมอบ E-Voucher มูลค่า 5,000-7,000 บาทต่อคน (Cash Back) ล่าสุด.. ทีมข่าวพบว่ามีการเปิดเว็บไซต์
www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com แล้ว เพื่อเตรียมพร้อมให้ประชาชนลงทะเบียนในวันที่ 21 มิ.ย. 2564 เวลา 06.00 – 22.00 น.
1. เช็ครายละเอียดโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้”
นางสาวกุลยา ตันตเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ระบุว่า “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เป็นโครงการใหม่ของรัฐที่มีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ผ่านผู้ที่มีกำลังซื้อ และ
เป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีรายละเอียดสำคัญเพิ่มเติม ดังนี้
โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยจะให้สิทธิผู้ร่วมโครงการ 4 ล้านคน
เริ่มลงทะเบียนได้วันที่ 21 มิ.ย. 64 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 6:00-22:00 น.
ใช้งบประมาณในโครงการนี้ 2.8 หมื่นล้านบาท
คาดว่าจะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 2.4 แสนล้านบาท
ภาครัฐสนับสนุน e-Voucher ให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการโดยให้เป็นเงินคืน ต้องจ่ายเองก่อนแล้วจึงจะได้เงินคืนทีหลัง
ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้ e-Voucher จากภาครัฐช่วง ก.ค.-ก.ย.2564 เพื่อใช้จ่ายในเดือน ส.ค.-ธ.ค. 2564
จำกัดวงเงินใช้จ่ายจริงที่นำมาคำนวณ e-Voucher มียอดจ่ายไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน
เมื่อนำยอดจ่ายจริงมาคำนวณสิทธิแล้ว จะได้เงินคืนไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน และได้เงินคืนสะสมไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาของโครงการ
2. ผู้มีสิทธิ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
ประชาชนผู้สนใจในโครงการนี้ สามารถลงทะเบียน “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ในวันที่ 21 มิ.ย. 2564 เป็นต้นไป เวลา 06.00 – 22.00 น. จำกัดจำนวนไม่เกิน 4 ล้านคน โดยต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
มีสัญชาติไทย
มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
มีบัตรประจำตัวประชาชน
ไม่เป็นผู้ใช้สิทธิโครงการ “คนละครึ่งเฟส 3”
ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน)
ไม่เป็นผู้มีสิทธิโครงการ “เราชนะ” กลุ่มช่วยเหลือพิเศษ (ผู้พิการ/สูงอายุ)
สามารถเปลี่ยนแปลงโครงการได้ 1 ครั้งผ่านแอพฯ เป๋าตัง ภายในวันที่ 28 มิ.ย. 64
3. การคำนวณวงเงินสิทธิ e-Voucher คิดแบบนี้!
ลักษณะการคำนวณวงเงินสิทธิ e-Voucher ของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ก็คือ เปอร์เซ็นต์เงินคืนที่ท่านได้รับ จะเพิ่มขึ้นตามยอดการใช้จ่ายของท่าน ได้แก่
1. หากมียอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ก็จะได้รับ e-Voucher อยู่ที่ 10% ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน
2. หากมียอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001 – 60,000 บาท ก็จะได้รับ e-Voucher อยู่ที่ 15% ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน
4. ลงทะเบียน “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ได้ 2 ช่องทาง
4.1) สำหรับผู้ที่เคยใช้จ่ายผ่านระบบ G-Wallet ในแอพฯ “เป๋าตัง” แล้ว สามารถลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือ เว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ตามต้องการ
4.2) ส่วนผู้ที่ไม่เคยใช้จ่ายผ่าน G-Wallet มาก่อน ให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ของโครงการนี้ที่เว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ได้ช่องทางเดียว
ทั้งนี้ หากผู้ที่ได้รับสิทธิ “คนละครึ่งเฟส 3” ต้องการจะเปลี่ยนสลับไปรับสิทธิ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” แทน จะต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิอีกโครงการหนึ่ง ผ่านแอพฯ “เป๋าตัง” ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 เท่านั้น! และถือเป็นการสละสิทธิโครงการเดิมที่ได้รับสิทธิ
5. วิธีใช้สิทธิ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” สำหรับประชาชน
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า โครงการนี้ภาครัฐจะสนับสนุน e-Voucher ให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการ โดยการให้เป็นเงินคืน (Cash back) หมายความว่าผู้ใช้สิทธิจะต้องจ่ายเงินตัวเองเพื่อซื้อสินค้าก่อน แล้วหลังจากนั้นจึงจะได้เงินคืนในรูปแบบ e-Voucher ทีหลัง มีวิธีใช้งานอื่นๆ ที่ต้องรู้ ดังนี้
ก่อนการใช้สิทธิครั้งแรก ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน
การซื้อ-ขายสินค้า/บริการ ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องมีการทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR Code ในแอพฯ เป๋าตัง เพื่อชำระสินค้ากันแบบ “พบหน้า” (face-to-face) โดยไม่มีการดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ หรือผ่านคน
กลางใดๆ ก็ตาม
จากนั้นผู้เข้าร่วมโครงการจะได้ e-Voucher จากภาครัฐช่วง ก.ค. – ก.ย.2564
ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้ e-Voucher ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
สามารถนำ e-Voucher ไปใช้จ่ายได้ในเดือน ส.ค. – ธ.ค. 2564
แอพฯ “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” จะสามารถใช้งานได้ระหว่างเวลา 6.00 – 23.00 น. ของทุกวัน
ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการฯ กระทำการใดๆ ที่สร้างความเข้าใจผิดต่อมาตรการ/โครงการของรัฐ หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการ/โครงการใด ๆ ของรัฐ
6. “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ซื้ออะไรได้-ไม่ได้บ้าง?
ผู้ที่ได้รับสิทธิยิ่งใช้ยิ่งได้ สามารถนำวงเงินสิทธิไปซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ได้แก่
ค่าอาหาร-เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป
ชำระค่าบริการได้ เช่น ร้านนวด-สปา ทำผม ทำเล็บ เป็นต้น
ยกเว้น ไม่สามารถนำไปซื้อสินค้าบางประเภทได้ เช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ
ส่วนวิธีการใช้จ่าย สามารถใช้จ่ายผ่าน G-wallet ในแอพฯ “เป๋าตัง” กับร้านค้าผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ติดตั้งแอพฯ “ถุงเงิน” เพื่อเข้าร่วมโครงการดังกล่าว