อยากฟังเสียงหลายๆท่าน ถ้าจะเพิ่มวงเงินโครงการต่อ 3 เดือน

คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการช่วยเหลือประชาชน โดยเพิ่มวงเงินเยียวย า 2,000 บาท/คน ในโครงการ เราชนะ

สำหรับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มที่มีแอปพลิเคชัน เป๋าตัง และโครงการ ม33 เรารักกัน ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ประชาชนยังสามารถใช้จ่ายได้ถึง 30 มิ.ย.64 โดยโครงการ เราชนะ

มีจำนวนผู้ได้รับสิทธิทั้งสิ้น 33.1 ล้านคน แยกเป็นกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.7 ล้านคน กลุ่มผู้มีแอปพลิเคชันเป๋าตัง 8.4 ล้านคน

กลุ่มผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบเป๋าตัง 8.6 ล้านคน กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ 2.4 ล้านคน ทั้งนี้ เป็นผู้ที่ใช้จ่ายครบวงเงินตามสิทธิในโครงการแล้ว จำนวน 17.6 ล้านคน โดย ณ วันที่ 1 มิ.ย.64 โครงการ เราชนะ

ทำให้มีการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้ว มู ลค่ ากว่า 257,997 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการและผู้ให้บริการได้รับประโยชน์มากกว่า 1.3 ล้านร้านค้าและกิจการ แยกเป็นมูลค่าการใช้จ่ายในร้านอาหารและเครื่องดื่ม คิดเป็นร้อยละ 19.1 ของมูลค่าการใช้จ่ายทั้งหมด ร้านธงฟ้า คิดเป็นร้อยละ 34.4 ร้าน OTOP

คิดเป็นร้อยละ 4.1 ร้านค้าทั่วไปและอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 40.4 ร้านค้าบริการ คิดเป็นร้อยละ 1.9 และขนส่งสาธารณะ คิดเป็นร้อยละ 0.1 ขณะที่โครงการ ม33 เรารักกัน มีผู้ได้รับสิทธิรวมทั้งสิ้น 8.14 ล้านคน มียอดใช้จ่ายสะสมแล้ว

ณ วันที่ 31 พ.ค.64 กว่า 39,317 ล้านบาท ผ่านร้านค้าทั้งสิ้น 1.07 ล้านร้านค้า ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ที่ต้องการเพิ่มกำลังซื้อให้กลุ่มเป้าหมาย จำนวนกว่า 41 ล้านคน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากกๅรระบๅดของ ทั้งนี้ โครงการ เราชนะ และโครงการ ม33 เรารักกัน มีมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจแล้ว 297,314 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอื่นๆ ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อช่วยผู้ประกอบการ เช่น มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

และมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ ซึ่งรัฐสภาได้ผ่าน พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 และ พ.ร.ก.ซอฟต์โลน วงเงินรวม 350,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งประกอบด้วย 2 มาตรการ คือ

มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อวงเงิน 250,000 ล้านบาท และมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ 100,000 ล้านบาท เพื่อป้องกันปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของภาคธุรกิจ เสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการ SME ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ติดตามการแพ ร่ระ บ าดของ และสถานการณ์เศรษฐกิจตลอดเวลา

เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวย าอย่ างต่อเนื่อง เช่น โครงการ คนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นต้น รวมทั้งมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจอื่นๆ

ที่จะออกมาในครึ่งปีหลังนี้ด้วย หลังสถานการณ์การแ พ ร่ระ บาดนั่นเอง